น้ำส้มควันไม้ เชื่อว่าหลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินชื่อหรือเคยพบเห็นมาก่อน ของเหลวที่มีสีน้ำตาลนี้ เกิดขึ้นได้อย่างไร และทุกคนเคยสงสัยไหมว่า น้ำส้มควันไม้ จริงๆ แล้วเอาไปใช้ทำอะไรได้บ้างและมี ป ร ะ โ ย ช น์ อย่างไร
วันนี้เราจะพาทุกคนมาไขข้อ ข้ อ ง ใ จ พร้อมสาระน่ารู้เกี่ยวกับน้ำส้มควันไม้ที่น่าสนใจ ซึ่งคุณอาจไม่เคยรู้จากที่ไหนมาก่อน ถ้าอยากรู้แล้วก็ตามไปชมพร้อมๆ กันเลย
น้ำส้มควันไม้ คืออะไร เกิดขึ้นได้อย่างไร
น้ำส้มควันไม้ คือ ของเหลวที่มีสีน้ำตาลเข้มหรือน้ำตาลแดง กลิ่นควันไม้ เกิดขึ้นการกระบวนการควบแน่นของควัน ใน ขั้ น ต อ น การผลิตถ่านไม้ ช่วงที่ไม้กำลังจะเ ปลี่ยนเป็นถ่าน ที่อุณหภูมิประมาณ 300-400 องศาเซลเซียส เมื่ออุณหภูมิเย็นลง ในระหว่างนั้นจะเกิดการถ่ายเทความร้อนออกสู่อากาศตรงบริเวณปล่องดักควัน โดยรอบๆ ปล่องดักควันจะเกิดความชื้นขึ้น จนก่อให้เกิดกระบวนการ ค ว บ แ น่ น ที่กลั่นตัวเป็นหยดน้ำ
ส่วนองค์ประกอบสำคัญของน้ำส้มควันไม้ส่วนใหญ่จะเป็นกรดอะซิติก ที่มีความเป็นกรดต่ำ เมื่อปล่อยทิ้งไว้ใน ภ า ช น ะพลาสติกเป็นเวลา 3 เดือนหรือระยะเวลาประมาณ 90 วัน เก็บไว้ในที่ร่มจะเกิดการตก ต ะ ก อ น แล้วแยกตัวออกเป็น 3 ชั้น คือ ชั้นที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ เรียกว่าน้ำมันเบา น้ำส้มควันไม้และน้ำมันทาร์ จะตกตะกอนอยู่ด้านล่าง ซึ่งจะต้องนำมาแ ยกเอาในส่วนของน้ำส้มควันไม้ เ พื่อนำไปใช้ประโยชน์ในลำดับต่อไป
ประโยชน์และมีวิธีการใช้งานน้ำส้มควันไม้
ประโยชน์ของน้ำส้มควันไม้ สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งในภาคครัวเรือน การปศุสัตว์ ภาคการเกษตร และภาคอุตสาหกรรม ซึ่งเราจะอธิบายให้ทุกคนเข้าใจได้ง่ายขึ้น ดังต่อไปนี้
1 ประโยชน์ในด้านการเกษตร
เชื่อว่าหลายๆ คนพอจะทราบกันดีพอสมควรแล้วว่าน้ำส้มควันไม้ มีประโยชน์อย่างมากในภาคการเกษตร ตั้งแต่ใช้ทำเป็นปุ๋ยเพิ่มผลผลิต ใช้กำจัดศัตรูพืช ไปจนถึงใช้รักษาโรคราและโรคเน่า
– ใช้ทำปุ๋ย : ด้วยภูมิปัญญาของชาวบ้านสมัยก่อน มีการนำเอาน้ำส้มควันไม้มาผสมกับน้ำเพื่อเจือจาง สำหรับการใช้ประโยชน์น้ำส้มควันไม้ในการทำเป็นปุ๋ย มีการผสมน้ำส้มควันไม้และน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1 : 500 (น้ำส้มควันไม้ 1 ซีซี/ น้ำ 500 ซีซี)ใช้ฉีดผลอ่อน ช่วยให้ผลผลิตเจริญเติบโตดี นอกจากนั้นยังช่วยเพิ่มน้ำตาลในผลไม้ได้ด้วย
– ใช้ป้องศัตรูพืช : ผสมน้ำส้มควันไม้กับน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1 : 100 (น้ำส้มควันไม้ 1 ซีซี/ น้ำ 100 ซีซี)ใช้ราดโคนต้น เพื่อป้องกันไม่ให้แมลงวางไข่ นอกจากนั้นยังเป็นการรักษาโรครากเน่าหรือโรคราได้ด้วย
– ใช้กำจัดศัตรูพืช : ผสมน้ำส้มควันไม้กับน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1 : 200 (น้ำส้มควันไม้ 1 ซีซี/ น้ำ 200 ซีซี)ทำการฉีดพ่นให้ทั่วทั้งใบ รวมถึงบริเวณพื้นดินรอบๆ ต้นด้วย เพื่อกำจัดศัตรูพืช และเพื่อประสิทธิภาพที่ดีให้หมั่นฉีดพ่นทุกๆ 7-15 วัน
2 ประโยชน์ในด้านปศุสัตว์
น้ำส้มควันไม้ มีประโยชน์ในด้านปศุสัตว์ ที่คุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนเพราะสามารถใช้กำจัด ก ลิ่ น เ ห ม็ น ในคอกสัตว์ได้ เช่น คอกหมู คอกวัว เล้าไก่ ฯลฯ ด้วยการใช้ประโยชน์น้ำส้มควันไม้ที่มีความเข้มข้นสูงผสมกับน้ำเปล่าในอัตราส่วน 1 : 100 (น้ำส้มควันไม้ 1 ซีซี/ น้ำ 100 ซีซี)นำมาพ่นหรือราดบริเวณรอบๆ คอกสัตว์ ช่วยลดกลิ่นเหม็นได้
นอกจากนั้นยังสามารถใช้น้ำส้มควันไม้มาผสมกับอาหารสัตว์ เพื่อยับยั้งแก๊สใน ก ร ะ เ พ า ะ อาหาร ช่วยป้องกันและรักษาโรคในกระเพาะอาหาร หรือโรคท้องเสีย ที่เกิดขึ้นกับสัตว์ได้ด้วย
3 ประโยชน์ในด้านครัวเรือน
สำหรับประโยชน์ของน้ำส้มควันไม้ในด้านครัวเ รือน สามารถนำน้ำส้มควันไม้ที่สกัดจนได้ความเข้มข้น 100% มาใช้รักษาบาดแผลได้ ไม่ว่าจะเป็นแ ผ ล ส ด แผลไฟไหม้ แผลน้ำ ร้ อ น ลวก รวมไปถึงปัญหาน้ำกัดเท้าและเชื้อราบนผิวหนัง
ส่วนวิธีการคือ เ พียงนำน้ำส้มควันไม้มาผสมกับน้ำเปล่า เพื่อเจือจาง ในอัตราส่วน 1 : 50 (น้ำส้มควันไม้ 1 ซีซี/ น้ำ 50 ซีซี) จากนั้นนำมาทาบริเวณแผล
นอกจากนั้นยังสามารถใช้น้ำส้มควันไม้ เพื่อกำจัดมด แมลง ปลวกต่างๆ รวมถึง สั ต ว์ ที่มีพิษ เช่น แมงป่อง ตะขาบ เป็นต้น ด้วยการนำน้ำส้มควันไม้มาผสมกับน้ำเ ปล่าที่อัตราส่วน 1 : 100 (น้ำส้มควันไม้ 1 ซีซี/ น้ำ 100 ซีซี)
แล้วฉีดพ่นให้ทั่วบริเวณรอบๆ บ้าน หรือจะใช้ดับกลิ่นในห้องน้ำ ห้องครัว ไปจนถึงบริเวณพื้นที่แชะและเปียกชื้นก็ได้ รับรองว่าไม่มีกลิ่นเหม็น หรือกลิ่นไม่พึงประสงค์มากวนใจคุณอย่างแน่นอน
4 ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรม
น้ำส้มควันไม้ ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องอย่างแพร่หลาย เช่น ใช้ผลิต ส า ร ป รั บผ้านุ่ม ใช้ผลิตสารดับกลิ่นตัว ใช้ผลิตสารป้องกันเชื้อราและแมลงไม่ให้ทำลายเนื้อไม้ ใช้ในอุตสาหกรรมย้อมผ้า เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ ก็คือ เรื่องราวที่น่าสนใจ สาระน่ารู้ รวมถึงประโยชน์และวิธีการใช้งานน้ำส้มควันไม้ ที่เราได้นำมาฝากทุกคนในวันนี้ ต้องบอกเลยว่าน้ำส้มควันไม้ คือ ภูมิปัญญาของชาวบ้าน ต้องบอกเลยว่าน้ำส้มควันไม้มีประโยชน์มากมายชนิดที่ใครหลายคนคาดไม่ถึงมาก่อนเลยจริงๆ
ขอบคุณข้อมูล organicbook.com