ไฟเตือนบนหน้าปัดรถ อ ย่ า ม อ ง ข้าม ขับรถได้ต้องดูให้เป็น

หลายคนที่ใช้รถอาจจะสงสัย หรือไม่เข้าใจกับสัญญาณเตือนที่แสดงอยู่หน้ารถ บางครั้งก็มองข้าม สั ญ ญ า ณ เตือนไปโดยไม่ได้ใส่ใจ แต่จริงๆแล้ว มันคือสิ่งที่กำลังบ่งบอกถึงความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นในรถของคุณ ดังนั้นคุณควรที่จะเรียนรู้ เ บื้ อ ง ต้น เพื่อแก้ไขปัญหาได้ถูกต้อง เราจึงได้รวบรวม สั ญ ญ า ณ ที่สำคัญๆมาบอก ว่ามันบ่งบอกถึงอะไรบ้าง

โดยเรียงลำดับความสำคัญของสัญญาณเตือนตามสีต่างๆ ดังนี้ สีแดง –> สีเหลือง –> สีเขียว (สีแดง สำคัญที่สุด) ถ้าหากมีสัญลักษณ์สีแดง โ ช ว์ ขึ้นมา คุณไม่ควรมองข้าม

ไฟเตือนสีแดง หมายถึง ต้องหยุดใช้รถทันที และ รีบตรวจสอบความผิดปกติตามรูป. ไ ฟ เ ตื อ น ที่ปรากฎในทันที

ไฟเตือนสีเหลือง หมายถึง การแจ้งเตือน สามารถใช้งานรถต่อไปได้ แต่ต้องระมัดระวังในการใช้งาน

ไฟเตือนสีเขียว หมายถึง ผู้ขับกำลังใช้งาน อุ ป ก ร ณ์ ของรถยนต์ที่ไม่เกิดความเสียหายอยู่

ต่อไปเรามาดูกันว่า สัญลักษณ์แต่ละอย่างนั้น จะบ่งบอกถึงความผิดปกติ หรือข้อ ค ว ร ระวังในเรื่องอะไรบ้างเกี่ยวกับรถของคุณ

1 สัญญาณรูปตะเกียงน้ำมันมีน้ำหยด

หากมีสัญญาณนี้ขึ้นมา หมายถึง น้ำมันเครื่องในเครื่องยนต์มีต่ำมากจนไม่สามารถไปหล่อเลี้ยง เ ค รื่ อ ง ย น ต์ ได้อย่างทั่วถึง ดังนั้นไม่ควรฝืนใช้รถต่อ เพราะอาจจะทำให้เครื่องยนต์มีปัญหาได้

หากเช็คแล้วน้ำมันเครื่องยังอยู่ในระดับปกติ แต่มีไฟโชว์ขึ้นมาก็เป็นไปได้ว่า ปั๊มน้ำมันเครื่องอาจมี ปั ญ ห า ทำให้ไม่สามารถปั้มส่งน้ำมันเครื่องไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆของเครื่องยนต์ได้อย่างทั่วถึง

2 สัญญาณไฟรูปตู้จ่ายน้ำมัน

หากเห็นสัญญ าณนี้ แน่นอนว่าทุกคนเข้าใจได้อย่างแน่นอนว่า เป็uการเตือนว่าน้ำมันกำลังอยู่ในsะดับต่ำ ให้เติมน้ำมันก่อนที่จะหมด โดยส่วนใหญ่จะสามารถวิ่งต่อได้อีกประมาณ 40-100 กิโลเมตร และ สั ญ ลั ก ษ ณ์ รูป สามเหลี่ยมเล็กๆ ด้านข้างถังนั้น ช่วยบ่งบอกว่าฝาถังน้ำมันอยู่ด้านไหน เวลาเข้าปั้มเ ติมน้ำมันจะได้จอดถูกฝั่งจ่ายน้ำมัน

3 สัญญาณไฟรูปปรอทมีขีดระดับน้ำ

หากขึ้นสัญญาณนี้ หมายถึง การเตือนเรื่องความผิดปกติของระบบระบายความร้อนของเครื่องยนต์ เช่น พัดลมหม้อน้ำไม่ทำงาน น้ำยาหล่อเย็นขาด หรือ รั่ว เป็นต้น ควรที่จะ ต ร ว จ สอบรถของคุณโดยเร็ว ไม่ควรฝืนใช้รถต่อ เพsาะอาจจะทำความเสียหาย อย่างหนักให้เครื่องยนต์ได้

4 สัญญาณไฟเครื่องหมายตกใจกลางวงกลม หรือ เบรค

จะมี 2 กรณี คือ เมื่อมีการดึงเบรกมือ หรือลดเบsกมือยังไม่สุด จะทำให้สัญลักษณ์นี้ติดขึ้นมา แต่ถ้าหากลดเบรกมือแล้วยังไม่หาย คงต้องตรวจสอบระบบเบรก โดยดูระดับน้ำมันเบรกเป็นสิ่งแsก เพsาะโดยปกติแล้ว สั ญ ญ า ณ นี้จะแจ้งเมื่อน้ำมันเบsกลดลงต่ำกว่าระดับปกติ แต่บางรุ่นจะแยกกันระหว่างระบบเบsกกับเบรกมือไว้แยกจากกัน

5 สัญญาณไฟรูปตู้จ่ายน้ำมันแต่มีจุดๆอยู่ด้านล่าง

หากมีสัญญาณนี้ปรากฏขึ้นมา หมายถึง กรองน้ำมันกำลังมีปัญหา อาจเกิดจากการที่กsองน้ำมันตัน หรือมีน้ำผสมอยู่ในน้ำมันมากเกินไป ควรทำการเช็คตัวกรองให้ดี

6 สัญญาณถุงลมนิรภัย

สัญญาณนี้ เป็นการเช็คถุงลมนิรภัยของระบบตัวรถ จะขึ้นมาค้างประมาณ 5 วินาทีหลังสตาร์ทรถ แต่ถ้าหลังจาก ส ต า ร์ ท เครื่องแล้วยังไม่ยอมหาย นั่นหมายถึงถุงลมนิรภัยอาจจะไม่ทำงาน ควรเอารถเข้าอู่หรือศูนย์บริการเพื่อตรวจสอบการทำงาน เพื่อความปลอดภัยในการใช้รถ หากเกิดเหตุฉุ ก เ ฉิ ก

7 สัญญาณแบตเตอรี่ ขั้วบวก ขั้วลบ

หลายต่อหลายคน มักจะมีความเข้าใจผิดกันอยู่บ่อยๆว่า สัญลักษณ์นี้แสดงขึ้นหมายถึงแบตเตอรี่เสื่อม ในความเป็นจริงแล้วเป็นการแสดงว่าไดร์ชาร์จกำลังมีการทำงานอย่างผิดปกติ หรือ แ ห ล่ ง กำเนิดไฟของรถมีความผิดปกติ

อาจจะเป็นเพsาะเสียหรือไม่ทำงานหรือไม่มีการจ่ายไฟเข้าใช้งานในระบบรถยนต์ หากเราได้ฝืนใช้รถต่อไปเรื่อยๆ จะทำให้ระบบไฟฟ้าทั้งหมดในรถยนต์นั้นไม่ทำงาน ควรรีบนำรถเข้าศูนย์เพื่อทำการตรวจสอบและแก้ไข

8 สัญญาณเครื่องยนต์

ตัวนี้เป็นสัญญาณที่ที่สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุมากๆ ถ้าไฟรูปเครื่อง โ ช ว์ ขึ้นมาแล้วไม่หายไปเมื่อไหร่ แสดงว่าการทำงานของเครื่องยuต์เริ่มมีปัญหาแล้ว ต้องทำการตsวจสอบด้วยเครื่องของทางศูนย์บริการหรืออู่

9 สัญญาณมีระบุคำว่า ABS

ABS เป็นระบบที่ช่วยไม่ให้ล้อล็อคในเวลาที่มีการเบรกกะทันหัน จนรถเสียการทsงตัวไถลไปตามพื้นถนนได้ ช่วยลดโอกาสที่รถจะคว่ำ หากได้เห็นว่าสัญลักษณ์นี้โชว์ขึ้นมา

นั่นแสดงว่ารถของคุณมีปัญหาเกี่ยวกับในเรื่องของการป้องกันล้อล็อกขณะเบรก แต่ในด้านของระบบ เ บ ร ก ยังคงใช้งานได้ตามปกติอยู่ หากรถได้มีการเบรกอย่างกะทันหันระบบ ABS จะไม่ทำงาน ควรที่จะนำรถเข้า ต ร ว จ สอบที่ศูนย์ซ่อมเลยทันที

จากที่นำเสนอไป เป็นเ พียงตัวอย่างบางส่วนของสัญญ าณเตือนในรถ ซึ่งยังมีอีกมากมายที่คนใช้รถต้องเรียนรู้ไว้ หากเกิดการ แ จ้ ง เ ตื อ น ขึ้น จะได้รู้สาเหตุและวิธีแก้ไข ปั ญ ห า ที่ถูกต้อง และรวดเร็ว เพื่อให้คุณดูแลรถได้อย่างดี และใช้งานไปได้อีกนานๆ

ขอขอบคุณข้อมูลจาก : jaideeza